FAQs ถาม – ตอบปัญหาที่ท่านสงสัยเกี่ยวกับศัลยกรรม
ถาม : | โบท็อกซ์ คืออะไร? |
ตอบ : | “โบ ท็อกซ์” (Botox) เป็นชื่อทางการค้า (trade name) ของสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่ง ที่สร้างจาก แบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ หากได้รับในปริมาณมากๆ เช่น จากอาหารกระป๋องที่ปนเปื้อนด้วยเชื้อตัวนี้ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากการที่กล้ามเนื้อกระบังลมไม่ทำงาน ผู้ป่วยจึงหยุดหายใจ |
ถาม : | โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์ อย่างไร? |
ตอบ : | โบ ทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อจึงคลายตัว หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ เกิด อัมพาตของกล้ามเนื้อเล็กๆนั้น โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน และเห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 7– 14 วัน |
ถาม : | แล้วแพทย์เอา “สารพิษ” นี้มาใช้ทำไม? |
ตอบ : | แพทย์ ทราบมานานหลายสิบปีแล้วว่าหากฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซินจะทำให้กล้ามเนื้อ “คลายตัว” ดังนั้นในยุคแรกๆ จักษุแพทย์จึงนำโบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และโดยบังเอิญจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เอง ก็ทำให้แพทย์พบว่าริ้ว รอยบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากหว่างคิ้วและรอบดวงตาดีขึ้นด้วยในยุคต่อมาจึงมีการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน เพื่อประโยชน์ในด้านความสวยงามตามมาอย่างแพร่หลาย และมีเทคนิควิธีการที่ ต่างๆ กันออกไป มีการนำมาฉีดเพื่อทำให้หน้าเรียวลง ยกกระชับผิวหนัง ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ตลอดจนรักษาอาการปวดศีรษะ ปวดเกร็งต้นคอ และอีกหลายกรณี ในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีการฉีดกันเป็น ล้านๆครั้ง ต่อปี |
ถาม : | ผลของการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน อยู่นานเท่าใด? |
ตอบ : | โดย ทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ ผู้รับการรักษาอายุเท่าใด ซึ่งการที่ผลการรักษาอยู่ไม่ถาวรนั้น ที่จริงอาจนับได้ว่าเป็นข้อดี เพราะหากผลที่ได้รับไม่เป็นที่น่าพอใจ ในที่สุดก็จะค่อยๆ หายไปเองได้ ข้อเสียก็คือสิ้นเปลือง เพราะหากได้ผลดี ถูกใจก็ต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ |
ถาม : | โบท็อกซ์ อันตรายหรือไม่ |
ตอบ : | จาก การรวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน จำนวนมาก ในต่างประเทศ พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต เมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและใช้ฉีดเพื่อความสวยงามผลข้างเคียงส่วนมากที่เกิด ขึ้นมักเป็นแบบเฉพาะที่ เช่น หนังตาตก กลืนอาหารลำบาก หน้าไม่สมมาตร หรือจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นแพทย์ และผู้ทำการรักษาจึงควรคุยกันโดยละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง |
ถาม : | เมื่อเกิดผลข้างเคียงแล้วจะทำอย่างไร? |
ตอบ : | ดัง ที่ได้กล่าวแล้วตอนต้นว่าผลจากการฉีด โบทูลินั่มท็อกซิน นั้นจะค่อยๆ หมดไปเองภายในเวลาเป็นเดือน ดังนั้นผู้รับการรักษาจึงใจเย็นๆ และค่อยๆ รอให้ผลของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน หมดไปเองก็ได้ ส่วนในกรณีที่เกิดหนังตาตกนั้น ผู้รับการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นกรณีไป |
ถาม : | ศัลยกรรมตกแต่งมีความหมายว่าอย่างไร? |
ตอบ : | ศัลยกรรม ตกแต่งหมายถึง1. ทำเพื่อความสวยงามคือคนปกติสวยน้อยทำให้สวยมาก2. เป็นศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างคนที่มีความพิการแต่กำเนิด หรือจำพวก ติดเชื้อจาการเกิดอุบัติเหตุ หรือผ่าตัดเนื้องอก ทำให้มีรูปร่างพิกลพิการไป แล้วจะตก แต่งเสริมสร้างให้เขาอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข |
ถาม : | ปัจจุบันคนที่นิยมทำศัลยกรรม นิยมทำส่วนใดของร่างกาย? |
ตอบ : | โดย ทั่วไปมีผู้มาขอรับศัลยกรรมเสริมสวย คือ ตา อันดับ 1 จมูก อันดับ 2 และ เต้านมอันดับ 3 ศัลยกรรมใบหน้าโดยเฉพาะดึงใบหน้า ดูดไขมันหน้าท้อง สะโพก ขา สำหรับชายศัลยกรรมปลูกผม เป็นอันดับหนึ่ง |
ถาม : | การทำศัลยกรรมตกแต่งเพื่อรักษาโรคอะไรได้บ้าง? |
ตอบ : | ศัลยกรรม ตกแต่งแก้ไขความพิการ ควรแต่งตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเสริมสร้างความพิการ รูปร่างผิดปกติ เช่น แขน ขา ลำตัว ไปจนถึงเท้า ความพิการบางรายเกิดมาตั้งแต่กำเนิด หรือติดเชื้อ และการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกจากร่างกาย |
ถาม : | สารซิลิโคนคืออะไร? |
ตอบ : | คือ สารเคมีชนิดหนึ่ง เป็นสารเกิดจากทรายและซิลิการ์ ที่ผลิตออกมามี 2 ประเภท คือ1. ใช้ในอุตสาหกรรม เช่นน้ำมันหล่อลื่น2. ใช้ทางการแพทย์ต้องทำให้สะอาด |
สารซิลิโคน แบ่ง เป็น 4 ประเภท
– สารซิลิโคนเป็นของเหลว ทางการแพทย์จะไม่นิยมใช้ ใช้ในกรณีที่เป็นแผลบุ๋ม ใช้มาก ๆ สารซิลิโคนจะไปกองอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย จะทำให้เกิดการอักเสบ และผิดกฎหมาย ถ้าใช้ฉีดแล้วจะแข็งเจ็บ
– ซิลิโคนแผ่น ใช้เป็นท่อน้ำเกลือ หรือใช้ไปหุ้มเครื่องกระตุ้นหัวใจ
– ซิลิโคนแท่ง ใช้เสริมจมูกที่ต้องการให้แข็งแรง ใช้ทำเป็นข้อเทียม
– ซิลิโคนลักษณะฟองน้ำ ไม่มีการผลิตออกมาใช้ ส่วนใหญ่ใช้ในที่นุ่ม เช่น ใบหน้าทุกชนิด นอกจากซิลิโคนเหลวแล้ว ถ้าเราใช้อย่างถูกต้องและสะอาด พอเพียงมีเนื้ออ่อนคลุมจะไม่มีอันตราย
ถาม : | การทำหน้าอกใช้ซิลิโคนแบบไหน? |
ตอบ : | การ ทำหน้าอกใส่ถุงนมเทียม เข้าไป ถุงนมเทียมชั้นนอกเป็นสารซิลิโคนชนิดแผ่น ปลอดภัย ในถุงจะมีซิลิโคนเหลว เมื่อจับถูกต้องแล้วจะนิ่มเป็นธรรมชาติ ข้อเสียจะค่อยๆ ซึมผ่านซิลิโคนที่เป็นถุงออกมาอยู่ที่ผิวหน้าอกที่ทำมา ต่อไปจะแข็งมากน้อยแล้วแต่กรณี และจะเจ็บจึงขอเตือนว่าอย่าไปเชื่อ 100 คนมีโอกาสแข็งได้ 20 – 40 คน ชนิดนี้ สหรัฐห้ามใช้ นอกจากนี้แล้วมีถุงนมข้างนอกเป็นซิลิโคน ข้างในเป็นน้ำเกลือเวลาใส่เข้าไปจะ รู้สึกแข็งกว่าธรรมดาเล็กน้อย แต่ถ้าแตกออกสู่ร่างกาย ร่างกายจะดูดซึมแล้วถ่ายออกมาเท่านั้น |
ถาม : | ในการใช้สารซิลิโคนจะเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นหรือติดเชื้อได้หรือไม่? เราจะมีวิธีแก้ไขหรือรักษาได้อย่างไร? |
ตอบ : | อันตราย จากซิลิโคน ถ้าใช้ของเหลวเกิดการอักเสบ ใช้ชนิดเป็นแผ่นต้อง1. ทำในสถานพยาบาลที่สะอาดพอไม่ใช่ทำตามข้างถนน2. การทำจมูกหรือหน้าอก ควรทำในขนาดที่แพทย์แนะนำอย่าขนาดใหญ่เกินการ การที่ทำใหญ่จะเกิดพังพืดยืดขยายหดตัวลัดทำให้จมูกใส ยิ่งถ้าทำสูงมากผิวหนังทนการยืด จากของที่เราฝังไม่ได้จะทำให้ทะลุออกมานอกผิวหนัง อย่าทำให้เกินความจริง |
ถาม : | ทำศัลยกรรมเสร็จแล้วจะเป็นรอยแผลเป็นหรือไม่? |
ตอบ : | การ ทำศัลยกรรมจะมีรอยแผลทุกชนิด การใช้เลเซอร์ผ่าตัดแล้วไม่มีรอยแผลเป็น ไม่เป็นความจริง การใช้เลเซอร์ผ่าตัดแล้ว ไม่มีแผลเป็นไม่เป็นความจริงทั้งหมด เช่น เดียวกับการผ่าตัดทำศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวย จะมีรอยแผลเป็นแต่รอยแผลเป็นจะถูกซ้อนไว้บริเวณที่ที่มองไม่เห็น และรอเวลาให้แผลเป็นค่อย ๆ จางจนเหลือเป็นรอยแข็ง ยาทั้งหลายที่จะช่วยให้จางไม่เป็นความจริง เพราะร่างกายของเราเป็นไปตามธรรมชาติ |
ถาม : | รายละเอียดขั้นตอนการทำใช้เวลามากน้อยแค่ไหน? |
ตอบ : | ขึ้น อยู่กับชนิดของการผ่าตัดและขึ้นอยู่กับฝีมือแพทย์ เวลาการใช้ทำจมูกส่วนใหญ่ 10-15 นาที หรือ ถ้าฝีมือปราณีตอาจใช้เวลา 2 ช.ม. ระยะเวลาการฟื้นตัว 3-4 วัน |
ถาม : | ระยะเวลาการฟื้นตัวของคนไข้? |
ตอบ : | บวมมาก 3-4 วัน 7 วัน ไปไหนมาไหนได้ 3 อาทิตย์ออกสังคมได้แต่ก็ยังมีบวมอยู่ ให้คงรูปร่าง 80% ก็ 3 เดือน |
ถาม : | การทำศัลยกรรมแต่ละครั้ง สามารถกลับบ้านได้เลยหรือเปล่า? |
ตอบ : | การ ผ่าตัดในการฉีดยาชาหรือให้ยาแบบสลึมสลือสามารถกลับบ้านได้เลย พวกที่ดมยาผ่าตัดระยะสั้นๆ สามารถกลับบ้านได้ แต่ถ้าทำผ่าตัดนานๆ ควรอยู่โรงพยาบาล อย่างน้อย 1 คืน |
ถาม : | ปัจจุบันทางโรงพยาบาลศิริราชมีบริการด้านนี้ไหม? |
ตอบ : | ทาง รพ.มีสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่งที่รับผิดชอบทางด้านเสริมสวย และศัลยกรรมเสริมสร้าง เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อให้คนไข้พ้นจากความทุกข์ทรมาน ส่วนศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวย รับทำเพื่อให้การศึกษา เพราะเราถืออันดับความสำคัญรองลงมา แต่เรารับทำทุกประเภททุกชนิด |
ถาม : | พบผู้ป่วยศัลยกรรมเสริมสร้างมากน้อยแค่ไหน? |
ตอบ : | พบ มากที่สุดคือปากแหว่ง 300 กว่าราย เพดานโว่ 150 กว่ารายนอกนั้นพบว่ามือ พิการ รูปร่างพิการ ปีละ 300 ราย ขณะนี้มีความพิการของกะโหลกศีรษะและใบหน้า เป็นจำนวนมาก ซึ่งเรากำลังรักษา |
ถาม : | ในทัศนคติของคุณหมอว่าด้วยศัลยกรรมตกแต่งมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน? |
ตอบ : | สำหรับ ศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างมีความจำเป็น ส่วนศัลยกรรมเสริมสวยทุกคนอยากจะสวย เพราะฉะนั้นเราต้องพิจารณาให้ปรึกษากับหมอให้ดูจากความพอดีจะดีกว่า |
ถาม : | Tumescent liposuction คืออะไร? |
ตอบ : | คือ การดูดไขมันด้วยเทคนิคใหม่ โดยแพทย์จะปล่อยยาชาพร้อมด้วยน้ำเกลือลงไปเฉพาะจุดเพื่อให้ไขมันในชั้นไขมัน ของผิวหนังอ่อนตัวลงง่ายต่อการดูดออก เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีแบบเก่าวิธีนี้ใช้เครื่องมือที่มีขนาดเล็กกว่าทำ ให้ดูดไขมันด้วยความละเอียดอ่อน รอยช้ำน้อยกว่าและไม่มีแผลผ่าตัดข้อสำคัญสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูป ร่างหลังการรักษาได้อย่างชัดเจน |
ถาม : | Tumescent liposuction เหมาะสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย? |
ตอบ : | ผู้หญิง และผู้ชายที่ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องน้ำหนักตัวเกินกว่ามาตรฐานมาก แต่ทว่ามีไขมันสะสมเฉพาะส่วนมากกว่าปกติ เช่นบริเวณหน้าท้อง สะโพก ก้น เอว ต้นแขน ต้นขา เข่า คาง มองดูไม่สมส่วนไม่สวยงามทำให้ขาดความเชื่อมั่นในชุดว่ายน้ำ ชุดรัดรูป กระโปรงและกางเกงขาสั้น เป็นต้น ชุดรัดรูป กระโปรงและกางเกงขาสั้น เป็นต้น |
ถาม : | Tumescent liposuction มีความปลอดภัยสูง |
ตอบ : | การ ดูดไขมันด้วยวิธีนี้มีความปลอดภัยสูงมากกว่าวิธีแบบเก่า ด้วยเทคนิคใหม่นี้ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ เพื่อให้คนไข้รู้สึกผ่อนคลายแพทย์อาจให้ยารับประทานก่อนเข้ารักษา เครื่องมือแพทย์ที่มีขนาดเล็กมากจึงไม่ทำให้แผลผ่าตัด เกิดรอยเขียวช้ำน้อยกว่าวิธีเดิมและจะค่อยๆจางหายไป |
ถาม : | Tumescent liposuction ประหยัดค่าใช้จ่ายและสะดวก |
ตอบ : | เนื่อง จากเทคนิคใหม่นี้ไม่ต้องวางยาสลบช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่าย อาทิ ค่าห้องผ่าตัด ค่าแพทย์ดมยาและค่าห้องพักฟื้นที่ ร.พ ซึ่งเทคนิคนี้นิยมมากในสหรัฐอเมริกาเพราะไม่มีความยุ่งยากในการเตรียมตัว ก่อนและหลังการรักษา 2-3วันก็สามารถกลับทำงานได้ |
ถาม : | Tumescent liposuction กำจัดเซลไขมันแบบถาวรและให้ผลระยะยาว |
ตอบ : | ตัวอย่าง เช่น เนื่องจากลักษณะทางพันธุกรรมแม่ที่มีต้นขาใหญ่ลูกสาวอาจจะมีต้นขาใหญ่เหมือน แม่ ถึงแม้น้ำหนักตัวจะลดลงหรือพยายามออกกำลังกายอย่างหนักแต่ทว่าขนาดของต้นขา ก็แทบจะไม่เล็กลดลงเลย สาเหตุเพราะบริเวณต้นขามีจำนวนเซลไขมันมากกว่าคนปกติ เซลไขมันคือเซลที่ทำหน้าเสมือนถังเก็บไขมัน ไขมันจะมีการเก็บสะสมที่เซลไขมันเมื่อได้รักษาโดยดูดกำจัดเซลไขมันออกไปแบบ ถาวร บริเวณต้นขานั้นไม่กลับมามีขนานใหญ่เท่าเดิมอีกถึงแม้น้ำหนักตัวจะเพิ่มขึ้น ก็ตาม จึงถือได้ว่าวิธีนี้เป็นการลดสัดส่วนที่ให้ผลระยะยาวและมีประสิทธิภาพสูง กว่าวิธีอื่น |
ถาม : | ข้อควรรู้ |
ตอบ : | * การดูดไขมันทำให้รูปร่างสมส่วนแต่ไม่ใช้วิการลดน้ำหนักและการกำจัดเซลลูไล ท์* เหมาะสำหรับผู้ที่มีสุขภาพสมบูรณ์ดีไม่มีโรคประจำตัวเช่น โรคหัวใจ โรคไต |
ถาม : | เราจะทราบได้อย่างไรว่าศัลยแพทย์ตกแต่งท่านใดมีความชำนาญในเรื่องเสริมและตกแต่งจมูก? |
ตอบ : | สิ่ง ที่สำคัญ คือ การได้มีโอกาสปรึกษาและพูดคุยกับแพทย์ก่อนการตัดสินใจ การได้สอบถามรายละเอียดและความเป็นไปได้ในการตกแต่ง รวมทั้งผลที่ควรจะเป็นหลังการผ่าตัดแล้วเป็นหัวใจที่สำคัญ เพราะแต่ละคนก็มีความแตกต่างกันทั้งในเรื่องรายละเอียดของจมูกและรายละเอียด ในเรื่องของโครงหน้าโดยรวมทั้งหมด การตกแต่งจมูกไม่เพียงแต่จะตกแต่งให้จมูกดีขึ้น แต่ยังต้องเข้าได้กับโครงหน้าโดยรวมอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในบางคนอาจมีคางที่สั้นหรือมีมุมคางที่หลบเข้าด้านใน บางครั้งศัลยแพทย์อาจแนะนำให้ต้องเสริมคางด้วย mentoplasty ศัลยแพทย์ตกแต่งที่มีความชำนาญจะช่วยวิเคราะห์และแนะนำท่านได้ การได้มีโอกาสดูผลงานของแพทย์ท่านนั้นก็จะทำให้ท่านพอทราบสไตล์การดีไซน์ของ แพทย์ท่านนั้นได้ในระดับหนึ่ง ซึ่งจะทำให้น้ำหนักในการเลือกแพทย์ที่จะทำการผ่าตัดให้ท่านมีมากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากท่านเคยประสบอุบัติเหตุบริเวณจมูกและใบหน้า ท่านควรเล่าให้แพทย์ฟังโดยละเอียด หรือหากท่านเคยทำการผ่าตัดเสริมแต่งจมูกมาแล้วกี่ครั้ง แล้วเหตุผลที่จำเป็นต้องแก้ไขคืออะไร ท่านควรให้รายละเอียดกับแพทย์ให้มากที่สุดเท่าที่ท่านจะให้ได้ |
ถาม : | การเสริมแต่งจมูกจะทำอย่างไร และวัสดุที่ใช้ในปัจจุบันคืออะไร? |
ตอบ : | การ เสริมแต่งจมูกอาจทำภายใต้การดมยาสลบ (general anesthesia) หรือ การให้ยาชาเฉพาะที่ (local anesthesia) ขึ้นอยู่กับว่า คุณจำเป็นต้องได้รับการตกแต่งมากน้อยแค่ไหน หากตกแต่งมากก็จะต้องใช้เวลานานมาก ซึ่งการใช้ยาชาเฉพาะที่อาจจะไม่เพียงพอ แพทย์จะเปิดแผลเล็กๆประมาณ 1 ซม. ที่รูจมูกด้านในตรงบริเวณก้นย้อยของจมูก และเปิดช่องเข้าไปโดยช่องนั้นจะอยู่ระหว่างกระดูกของจมูกและเนื้อเยื่อผิว หนัง การใส่แกน, การตกแต่งเนื้อเยื่อจมูกให้เล็กลงทำได้โดยผ่านช่องนี้ วัสดุที่ใช้ในปัจจุบันยังคงเป็นซิลิโคนที่เป็น solid stage (เป็นซิลิโคนที่อยู่ในสถานะของแข็ง) ซิลิโคนเป็นวัสดุสังเคราะห์ที่ใช้ในการเสริมจมูกมานานแล้ว และขณะนี้ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ เพราะซิลิโคนมีปฏิกิริยากับเนื้อเยื่อค่อนข้างน้อย จึงสามารถอยู่กับเนื้อเยื่อจมูกได้นานโดยไม่มีการเสื่อมสลาย และไม่จำเป็นต้องมาถอดซิลิโคนออกเพื่อเปลี่ยนซิลิโคนอันใหม่ทุกๆกี่ปี และแกนจมูกนี้จะอยู่กับเราตลอดไป ซิลิโคนมีความอ่อนแข็งหรือนิ่มหลายระดับ ขึ้นอยู่กับศัลยแพทย์ตกแต่งจะเป็นผู้พิจารณาใช้ชนิดใด |
ถาม : | การตัดปีกจมูก(alar dissection) ตัดเพื่ออะไร และวิธีการที่ใช้ในปัจจุบันคืออะไร? |
ตอบ : | ปีก จมูก คือ ส่วนที่เป็นกระดูกอ่อน (cartilage) ของจมูกและกางออกมาเป็นปีก 2 ข้าง ประกอบเป็นส่วนหลังคาของรูจมูก ในบางคนที่ปีกจมูกกว้างเกินไปก็จำเป็นที่จะต้องตัดและตกแต่งใหม่เพื่อให้ได้ สัดส่วนที่สวยงาม การตัดปีกจมูกออกมากน้อยเพียงใด นอกจากจะคำนึงถึงความสวยงามแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความสะดวกในการหายใจด้วย เพราะการตัดปีกจมูกออกมากเกินไปจะทำให้รูจมูกเล็กลงมากจนทำให้หายใจได้ลำบาก วิธีการตัดปีกจมูกอาจทำได้ 2 วิธี คือ การตัดจากภายในรูจมูก วิธีนี้จะค่อนข้างยากสำหรับศัลยแพทย์ แต่มีข้อดี คือ จะไม่เห็นรอยแผลเป็น อีกวิธีคือ การตัดที่ภายนอกปีกจมูก วิธีนี้สะดวกในการทำ แต่คนไข้จำเป็นต้องดูแลแผลให้ดีเพื่อหลีกเลี่ยงแผลเป็นในระยะยาว การตัดปีกจากภายในหรือภายนอกขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์ คุณควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสม |
ถาม : | อายุเท่าใดจึงทำการเสริมจมูกได้? |
ตอบ : | ใน แต่ละประเทศก็มีมาตรฐานการกำหนดอายุที่ไม่เท่ากัน การเจริญเติบโตเต็มที่ของเด็กที่จะก้าวสู่ผู้ใหญ่ได้เต็มตัวขึ้นอยู่กับ ชาติพันธุ์ พันธุกรรม อาหาร ฯลฯ ซึ่งจะแตกต่างกันไป แต่โดยรวมแล้ว ควรทำในอายุที่มากกว่า 18 ปีในผู้หญิง และมากกว่า 19 ปีในผู้ชาย เพราะในช่วงวัยนี้ การเจริญเติบโตของจมูกน่าจะเต็มที่แล้ว |
ถาม : | ใช้เวลาในการผ่าตัดนานเท่าใด |
ตอบ : | เวลาในการผ่าตัดเสริมจมูกแต่ละคนมาเท่ากัน ขึ้นอยู่กับความยากง่าย การตกแต่งมากน้อยเพียงใด ระยะเวลาจะอยู่ประมาณ 1-3 ชม. |
ถาม : | จะเจ็บมากแค่ไหนหลังการผ่าตัดเสริมจมูก? |
ตอบ : | เป็นที่น่าแปลกใจว่า การผ่าตัดเสริมและตกแต่งจมูกไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดมากนัก คนไข้ส่วนใหญ่จะใช้เพียงยาแก้ปวดธรรมดาเท่านั้น |
ถาม : | หลังการผ่าตัดจะมีอาการอย่างไร และจะปฏิบัติตัวอย่างไร? |
ตอบ : | หลัง การผ่าตัด 24-48 ชม. แรกจำเป็นต้องนอนศรีษะสูงและประคบด้วยความเย็นเพื่อลดความบวมบริเวณจมูก หลังจาก 48 ชม.ไปแล้ว จะเปลี่ยนเป็นการประคบด้วยน้ำอุ่นแทน การบวมจะมากที่สุดใน 72 ชม.แรก หลังจากนั้นก็จะค่อยๆยุบลงภายใน 7-10 วัน โดยส่วนใหญ่เมื่อความบวมลดลงแล้ว ผิวบริเวณจมูกจะเปลี่ยนให้เห็นเป็นสีม่วง, สีเขียวและสีเหลืองตามลำดับ และหายไปในที่สุด การบวมมากหรือน้อย และการยุบบวมช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับการทำผ่าตัดว่า แพทย์ได้แก้ไขให้มากน้อยเท่าใด โดยมากแพทย์จะนัดตัดไหมที่เย็บไว้ที่จมูกประมาณ 7 วันหลังการผ่าตัด อย่างไรก็ตาม คนไข้ที่ไม่ได้ทำการแก้ไขมากนักก็มักจะยุบบวมเร็ว และเริ่มเข้าที่ที่ระยะประมาณ 1-3 เดือน และจะยุบเกือบ 100 % ที่ระยะประมาณ 3 เดือน การยุบบวมดังกล่าวเป็นการประมาณการณ์ของคนส่วนใหญ่ ซึ่งท่านอาจจะยุบบวมเร็วหรือช้ากว่านี้ก็ได้ ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายที่หักโหม หลีกเลี่ยงการถูกกระแทกบริเวณจมูก ในช่วงเดือนแรกๆ การปฏิบัติตัวหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งที่ท่านจะต้องใส่ใจ เพราะท่านจะได้รับคำแนะนำที่เฉพาะตัว และอาจต้องมีการดูแลที่พิเศษแตกต่างไปจากผู้อื่น |
ถาม : | ผลในระยะยาวหลังการผ่าตัดจะเป็นอย่างไรในคนไข้ส่วนใหญ่ หากจำเป็นต้องแก้ไขใหม่ ระยะเวลาใดเหมาะสมที่สุด? |
ตอบ : | คน ส่วนใหญ่มักจะคาดหวังให้จมูกสวยเข้าที่อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น แต่ตามธรรมชาติของการยุบบวมและการเข้าที่ของระบบเนื้อเยื่อ หลอดเลือดและระบบน้ำเหลืองของเนื้อเยื่อที่ได้รับการผ่าตัด จะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนหรือนานกว่านั้น การจะเห็นรูปทรงของจมูกเข้าที่สวยงามจึงควรจะอยู่ในระยะเวลาที่เกิน 6 เดือนไปแล้ว หรือในบางคนที่ได้รับการตกแต่งแก้ไขมากอาจจะเข้าที่ที่ประมาณ 1 ปี หากจำเป็นต้องมีการแก้ไขใหม่ ระยะเวลาที่เหมาะสม คือ พ้นจาก 6 เดือนไปแล้วในคนไข้ที่ผ่าตัดตกแต่งไม่มากนัก และพ้น 1 ปีไปแล้ว ในคนไข้ที่ผ่าตัดตกแต่งแก้ไขเนื้อเยื่อจมูก (soft tissue),ในคนไข้ที่เป็นจมูกแก้ไขที่เคยทำมาแล้วจากที่อื่น,และในคนไข้ที่เคย ฉีดวัสดุแปลกปลอมมา เรามักพบว่า คนไข้ส่วนใหญ่ที่ใจร้อนและขาดการรอคอยมักจะรบเร้าให้แพทย์ทำการผ่าตัดแก้ไข ใหม่ก่อนเวลาอันสมควร ซึ่งผลของการผ่าตัดแก้ไขใหม่นั้นอาจทำให้ยิ่งแย่ไปกว่าเดิมและเป็นปัญหาที่ แก้ไขได้ยากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ การแก้ไขในเวลาที่เหมาะสมน่าอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ |
ถาม : | หากเคยทำจมูกมาแล้วจากที่อื่น หรือเคยฉีดวัสดุแปลกปลอมเข้าไปในจมูก จะทำการแก้ไขได้หรือไม่? |
ตอบ : | ทั้ง 2 กรณีนี้จัดเป็นงานแก้ไจจมูกทั้งสิ้น ในกรณีที่เคยทำมาแล้ว แพทย์จะดูความเหมาะสมว่าจะแก้ไขให้ได้มากน้อยเพียงใด เนื่องจากศัลยแพทย์ตกแต่งท่านนั้นไม่เคยเห็นโครงสร้างเดิมของท่านมาก่อน การแก้ไขจึงเป็นงานที่ยากขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง เพราะการเลาะพังผืดเก่าออกนั้นใช้เวลาในการเลาะค่อนข้างนาน อีกทั้งผลลัพธ์ที่ออกมาอาจไม่ได้ดังที่ควรจะเป็น สำหรับการฉีดวัสดุแปลกปลอมเข้าไปในจมูกนั้น การแก้ไขก็จะยิ่งยากมากขึ้น วัสดุที่คนไข้ได้รับการฉีดมานั้นมักเป็นซิลิโคนเหลวซึ่งค่อนข้างอันตราย เพราะซิลิโคนเหลวจะเข้าไปจับกับเนื้อเยื่อของจมูกและก่อตัวให้เกิดเป็น พังผืดขึ้น ในเวลาต่อมา บางท่านอาจมีการบวมแดง อักเสบ หรือในบางท่าน เนื้อเยื่ออาจจับตัวกันเป็นกลุ่มๆ ทำให้ผิวของจมูกไม่เรียบเป็นตะปุ่มตะป่ำ การเลาะซิลิโคนที่จับตัวกับเนื้อเยื่อแล้วนั้นจะค่อนข้างยากเพราะอยู่ปะปน กันไปหมด ทำให้ยากต่อการเอาซิลิโคนออกให้หมด ผลลัพธ์จากการแก้ไขอาจไม่ได้ดั่งที่คาดหวัง และระยะเวลาในการยุบบวมและการเข้าที่จะเนิ่นนานขึ้น คนไข้ที่เข้ารับการแก้ไขจึงต้องลดความคาดหวังลง และยอมรับในข้อจำกัดของการทำศัลยกรรม หากท่านเป็นคนไข้ในกลุ่มนี้ ก่อนการตัดสินใจ ท่านควรปรึกษาแพทย์และทำความเข้าใจกับผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และผลลัพธ์นั้นไม่สามารถเป็นไปอย่างที่ท่านต้องการได้ทั้งหมด |
ถาม : | การฉีดสารบางตัว เช่น filler เข้าไปเพื่อเสริมให้จมูกโด่งแทนการทำศัลยกรรมได้หรือไม่? |
ตอบ : | ขนาด นี้ในท้องตลาดทั่วไปมีวัสดุที่เรียกว่า filler ใช้ในการฉีดเสริมในส่วนต่างๆของผิวหนัง เช่น ฉีดเพื่อรักษาหลุมสิว ฉีดเพื่อรักษาริ้วรอยบริเวณตีนกาและหน้าผาก ฉีดเพื่อเติมเต็มบริเวณร่องแก้ม และ filler บางตัวมีคนใช้เพื่อฉีดเสริมจมูกให้โด่ง วัสดุเหล่านี้ บางชนิดอยู่ในร่างกายได้เพียง 6 เดือนก็จะสลายไป บาง filler เมื่อฉีดเข้าไปแล้วจะอยู่ได้นานถึง 2 ปี ซึ่งหมายความว่า ถ้าท่านใช้ filler ชนิดนี้ฉีดเพื่อเสริมจมูก อีก 2 ปีข้างหน้า ท่านก็ต้องฉีดใหม่ อาจต้องฉีดซ้ำไปเรื่อยๆเพื่อให้คงความโด่งของจมูกไว้ ยกเว้นเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์แบบใหม่ที่อาจทำให้รูปจมูกออกมาใกล้เคียงกับการ ผ่าตัดแต่อาจไม่โด่งเท่าเหมาะสำหรับคนที่กลัวการผ่าตัดมากๆ โดยภาพรวมการผ่าตัดเสริมจมูกยังคงมีข้อเด่นกว่า เพราะท่านจะลงทุนเพียงครั้งเดียว แต่อยู่ได้ตลอดไป |