ปวดหลังเรื้อรังเชียงใหม่ | ลานนาวดีคลินิก
Shock wave

ปวดหลังเรื้อรังเชียงใหม่

การ ปวดหลัง (Back pain) เป็นอาการที่พบได้บ่อยมากในทุกเพศทุกวัย และมีสาเหตุที่หลากหลาย ตั้งแต่ความผิดปกติเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรงที่ต้องรักษาอย่างจริงจัง ผมสรุปรายละเอียดแบบ ครอบคลุมทุกปัจจัย ไว้ให้ดังนี้

🔹 1. สาเหตุที่พบบ่อย (Mechanical causes)

เกี่ยวข้องกับโครงสร้างของกระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และข้อต่อ
• กล้ามเนื้อหรือเอ็นหลังอักเสบ/ฉีกขาด (Muscle or ligament strain)
มักเกิดจากการยกของหนัก ท่าทางผิด การก้ม/บิดตัวกะทันหัน
• หมอนรองกระดูกเคลื่อน (Herniated disc / Slipped disc)
หมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท ทำให้ปวดหลังร้าวลงขา (Sciatica)
• ข้อต่อกระดูกสันหลังเสื่อม (Facet joint osteoarthritis)
พบในผู้สูงอายุ มักปวดเรื้อรังเมื่อใช้งานหลังนาน ๆ
• กระดูกสันหลังคด/ผิดรูป (Scoliosis, Kyphosis, Lordosis)
ทำให้กล้ามเนื้อทำงานไม่สมดุล เกิดการปวดเรื้อรัง
• ภาวะช่องไขสันหลังตีบ (Spinal stenosis)
กดทับเส้นประสาท ทำให้ปวดและชาลงขา เดินได้น้อยลง

🔹 2. สาเหตุจากการใช้งานและพฤติกรรม (Lifestyle factors)
• นั่งทำงานท่าเดิมนาน ๆ (เช่น นั่งหน้าคอมพิวเตอร์)
• ยืนหรือเดินเป็นเวลานาน
• ท่านอนผิด (เช่น ที่นอนนุ่มหรือแข็งเกินไป)
• การยกของไม่ถูกวิธี
• ออกกำลังกายหักโหม หรือไม่ได้ออกกำลังกายเลย

ปวดหลัง

🔹 3. สาเหตุจากระบบประสาท
• เส้นประสาทถูกกดทับ (Nerve compression) เช่น Sciatica
• โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง (Multiple sclerosis) → อาจมีปวดและชาร่วมด้วย
• เส้นประสาทอักเสบ (Neuritis)

🔹 4. สาเหตุจากโรคของอวัยวะภายใน (Referred pain)

ปวดหลังอาจไม่ได้เกิดจากหลังโดยตรง แต่สะท้อนมาจากอวัยวะอื่น เช่น
• ไต → นิ่วในไต, กรวยไตอักเสบ → ปวดหลังส่วนเอว
• ตับอ่อน → ตับอ่อนอักเสบ มักปวดร้าวไปหลัง
• กระเพาะอาหาร / ลำไส้ → แผลในกระเพาะอาหาร, กรดไหลย้อน
• หัวใจ → กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาจปวดร้าวไปกลางหลัง
• มดลูกและรังไข่ (ในผู้หญิง) → ถุงน้ำรังไข่, เนื้องอกมดลูก, ประจำเดือน

🔹 5. สาเหตุจากโรคอักเสบและภูมิคุ้มกัน
• โรคข้ออักเสบ (Ankylosing spondylitis, Rheumatoid arthritis)
• โรคแพ้ภูมิตัวเองบางชนิด ที่มีผลต่อข้อต่อและกระดูก

🔹 6. สาเหตุจากเนื้องอกและโรคร้ายแรง
• เนื้องอกในกระดูกสันหลัง หรือ มะเร็งกระจายมาที่กระดูกสันหลัง
• เนื้องอกในไขสันหลัง
มักมีอาการปวดเรื้อรังตอนกลางคืน ร่วมกับชาหรืออ่อนแรง  MEDA

Shock wave

แนวทางการรักษาอาการปวดหลัง

1. การดูแลตนเองเบื้องต้น
• พักการใช้งานหลัง แต่ไม่ควรนอนติดเตียงนานเกินไป
• ประคบเย็น ใน 48 ชั่วโมงแรกเพื่อลดการอักเสบ แล้วตามด้วย ประคบอุ่น เพื่อลดการเกร็งของกล้ามเนื้อ
• ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ และ ออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะ ว่ายน้ำ หรือเดิน
• ปรับท่าทาง
• นั่งหลังตรง ใช้เก้าอี้มีพนักพิง
• ยกของหนักด้วยการงอเข่า ไม่ก้มหลังตรง ๆ
• ควบคุมน้ำหนัก ลดภาระการกดทับกระดูกสันหลัง

2. การใช้ยา
• ยาแก้ปวดทั่วไป เช่น พาราเซตามอล
• ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน, นาโปรเซน (ต้องใช้ภายใต้คำแนะนำแพทย์ โดยเฉพาะผู้มีโรคกระเพาะหรือโรคไต)
• ยาคลายกล้ามเนื้อ (Muscle relaxant) ในบางกรณี

3. การทำกายภาพบำบัด
• อัลตราซาวด์รักษา, TENS (กระตุ้นไฟฟ้า)
• ดึงหลัง (Traction) ในรายที่มีหมอนรองกระดูกกดทับเล็กน้อย
• การออกกำลังกายเพื่อเสริมความแข็งแรง ของกล้ามเนื้อหลังและหน้าท้อง (Core muscle)

4. การรักษาเฉพาะทาง
• ฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อหรือรอบเส้นประสาท เพื่อลดการอักเสบ (เช่น Steroid injection)
• Shockwave therapy กระตุ้นการไหลเวียนเลือดและลดการอักเสบในบางราย
• การผ่าตัด กรณีมีหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทรุนแรงหรือมีอาการอัมพาต

5. การป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ
• รักษาท่าทางในชีวิตประจำวัน
• ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เน้นเสริมกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว
• ใช้หมอนและที่นอนที่เหมาะสม (ไม่แข็งหรือยวบเกินไป)
• หลีกเลี่ยงการยกของหนักเกินไป

Shock wave

การรักษาอาการปวดหลังโดยวิธี shockwave

ช็อคเวฟ คืออะไร ในปัจจุบันนี้เครื่องมือการรักษาทางกายภาพบำบัดได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และอีกหนึ่งเครื่องมือที่ช่วยในการรักษากลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม และอาการปวดเรื้อรังต่างๆได้เป็นอย่างดี ที่กำลังเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในขณะนี้ คือ ช็อคเวฟ (Shock Wave) การรักษาด้วยคลื่นกระแทก (Shock Wave Therapy) เป็นหนึ่งในทางเลือกใหม่ทางกายภาพบำบัด เพื่อรักษาภาวะปวด โดยเฉพาะภาวะปวดเรื้อรัง อาศัยหลักการของคลื่นกระแทก ซึ่งคลื่นที่ว่านี้เรียกว่า “ช็อคเวฟ” มีคุณสมบัติพิเศษที่จำเพาะ เมื่อคลื่นพลังงานดังกล่าวได้ถูกนำไปใช้กับความผิดปกติหรือพยาธิสภาพ พบว่าสามารถเหนี่ยวนำให้ร่างกายเกิดบาดเจ็บขึ้น (Re-injury) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการรักษาซ่อมแซมเนื้อเยื่อขึ้นใหม่ในบริเวณนั้น (Re-Healing) อีกทั้งยังสามารถช่วยลดปริมาณสารสื่อประสาทที่ส่งสัญญาณปวดและกระตุ้นการหลั่งสารลดปวด จึงทำให้ผู้ป่วยรับรู้ความรู้สึกปวดลดลงได้อย่างฉับพลัน โดยพลังงานของคลื่นสามารถลงลึกได้ถึงโครงสร้างชั้นลึกของร่างกาย

Shockwave Therapy นิยมใช้ในหลายกรณี เช่น

• โรคและการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ-เส้นเอ็น
• เอ็นร้อยหวายอักเสบ (Achilles tendinitis)
• ปวดฝ่าเท้า / รองช้ำ (Plantar fasciitis)
• ปวดไหล่จากเส้นเอ็นอักเสบ (Shoulder tendinitis)
• Tennis elbow / Golfer’s elbow
• โรคจากการใช้งานซ้ำ
• Office syndrome
• ปวดหลังเรื้อรัง
• เวชศาสตร์การกีฬา
• ฟื้นฟูนักกีฬาที่บาดเจ็บ
• ด้านความงาม
• สลายเซลลูไลต์
• กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้ผิวกระชับ

Shock wave

ประเภทของ Shockwave

1. Radial Shockwave – คลื่นกระจายออกแบบรัศมี เหมาะกับการรักษาพื้นที่กว้าง เช่น ปวดกล้ามเนื้อหลัง สะโพก
2. Focused Shockwave – คลื่นพุ่งตรงลงลึก เหมาะสำหรับรักษาจุดที่เป็นเฉพาะเจาะจง เช่น เส้นเอ็นอักเสบจุดเดียว

หลักการทำงาน

1. กระตุ้นการไหลเวียนเลือด → ทำให้มีออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อเยื่อมากขึ้น
2. กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน → ช่วยซ่อมแซมเส้นเอ็นและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
3. สลายพังผืดและตะกอนแคลเซียม → ลดการติดขัดของข้อต่อและเส้นเอ็น
4. กระตุ้นระบบประสาทให้หยุดส่งสัญญาณปวด → ทำให้ความเจ็บปวดลดลงทันทีหลังทำบางส่วน

ขั้นตอนการรักษา

1. ประเมินและระบุจุดปัญหาโดยแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
2. ทาเจลนำคลื่นบนผิวหนังเพื่อให้คลื่นส่งผ่านได้ดี
3. ใช้หัวเครื่อง shockwave ส่งคลื่นไปยังจุดที่ต้องการรักษา
4. ระยะเวลาการทำแต่ละครั้ง 10–20 นาที
5. ทำต่อเนื่องตามแผน เช่น สัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง (ขึ้นกับอาการ)

ปวดหลังเรื้อรัง

ข้อดีของการรักษาด้วย Shockwave

Shockwave เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่มีประโยชน์หลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการใช้ยาแก้ปวดระยะยาวหรือเข้ารับการผ่าตัด ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีนี้ได้คือ

– ไม่ต้องผ่าตัด : ช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากการผ่าตัดและระยะเวลาพักฟื้นที่นาน
– บรรเทาอาการปวดอย่างรวดเร็ว : หลายคนรายงานว่าอาการปวดลดลงหลังจากการรักษาเพียงไม่กี่ครั้ง
– ฟื้นฟูร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ : ช่วยกระตุ้นกระบวนการฟื้นฟูเนื้อเยื่อให้เกิดขึ้นเร็วขึ้น
– ผลข้างเคียงน้อย : ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคืออาการแดงหรือบวมเล็กน้อยบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งมักหายไปในเวลาไม่นาน

ข้อควรระวัง

• ไม่เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเลือดออกง่าย หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด
• ห้ามใช้กับผู้ที่มีโรคมะเร็งในบริเวณที่จะรักษา
• ไม่ควรใช้ในผู้ที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker)
• หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยง
• บริเวณที่มีกระดูกแตกหักใหม่ๆ ควรรอให้หายก่อน

REVIEW!!


 

เกี่ยวกับเรา
ดูแลโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ผ่านการอบรมและมีใบรับรองจากหลายสถาบัน

ทีมแพทย์ของเรา

หมอ
หมอ
พญ.ทวีพร ตรีประภากร

ดร.นพ.ธีรศักดิ์ แพทยาดิกุล
Dr.Teerasak Pattayadeekul

อาจารย์พิเศษ Dermatology and Regenerative medicine สำนักเวชศาสตรชะลอวัย ม.แม่ฟ้าหลวง / แพทย์ปริญญาเอก สาขา ผิวหนัง ศัลยกรรมผิวหนัง/เลเซอร์/ความงาม

  • Fellow in dermato surgery & LASER รามาธิบดี .
  • Vissiting fellow dermatology Juntendo Dermatology & Dermatopathology.
  • MD.Msc.Phd in Dermatology / LASER / Aesthetic Surgery.
  • Fellow in LASER surgey and Facial plastic surgery Fort Lauaderdel Florida USA
  • Diploma of Hair Transplantation by Thai association and Academy of Cosmetic surgery and medicine

พญ.ทวีพร ตรีประภากร
Dr.Thaweeporn Treepraphakorn

แพทย์สาขาศัลยกรรมความงาม/เลเซอร์/ปลูกผม
แพทย์ อเมริกันบอร์ดปลูกผม (ABHRS)

  • Fellowship in Cosmetic Surgery/ Korean  college of Cosmetic Surgery
  • Diplomate American Board of Hair Restoration  Surgery/ABHRS
  • International Board of Hair Restoration Surgery/ IBHRS
  • Certificate Hair transplantation By Korean Society of Hair Restoration Surgery
  • Member in association of Aesthetic Anti-aging Surgery,Thailand
  • Member of International Society of Hair Restoration Surgery (ISHRS)
  • Certificate Liposuction by Korean college of Cosmetic Surgery
  • Master degree in Dermatology (MSc)

หมอหมอ

“ลานนาวดีคลินิก” คลินิกศัลยกรรมตกแต่งความงาม โดยทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การันตีจบเฉพาะทางด้าน ศัลยกรรมความงาม (Cosmetic Surgery) จากอเมริกาและเกาหลี เทคโนโลยีอันทันสมัยครบวงจร เพื่อให้คุณได้สวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างมั่นใจในความปลอดภัยและผลลัพธ์หลังเข้ารับบริการ

ช่องทางการติดต่อ

ลานนาวดีคลินิกมี 4 สาขาใกล้บ้านท่าน

📍สาขาเชียงใหม่ แยกดอนจั่น 574 ถนน เชียงใหม่-ลำปาง ต.ท่าศาลา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ Tel.053-230257 /062-3103797 /062-3103798

📍สาขาเชียงใหม่ ลานนาวดีคลินิก มีโชคพลาซ่า 206/17 ต.ฟ้าฮ่าม อ.เมือง จ.เชียงใหม่
Tel.053-230258 /062-3103799 /062-3103800

📍สาขากรุงเทพ รังสิต

📍สาขาพัทยา 194/5และ194/6 หมู่9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง , Chon Buri, Thailand, Chon Buri

เวลาทำการ
จันทร์ – ศุกร์   10.00 – 19.30 น.
เสาร์ – อาทิตย์ 10.30 – 19.30 น.