ลบเลือนรอยสักด้วยเลเซอร์
การลบรอยสักด้วยเครื่องเลเซอร์ (Laser Tattoo Removal) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงในปัจจุบัน ขอสรุปข้อมูลแบบละเอียดเพื่อให้ทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้น MEDA
หลักการทำงานของเลเซอร์ลบรอยสัก
การลบรอยสักด้วยเลเซอร์ใช้หลักการที่เรียกว่า “Selective Photothermolysis” คือการส่งพลังงานแสงเลเซอร์ความเข้มสูงเข้าไปยังชั้นผิวหนังโดยตรง เพื่อให้เม็ดสี (หมึก) ของรอยสักดูดซับพลังงานแสงนั้น
• การดูดซับพลังงาน: เม็ดสีหมึกสักจะดูดซับพลังงานเลเซอร์ไว้สูงมาก ทำให้เกิดความร้อนอย่างรวดเร็วและแตกตัวออกเป็นอนุภาคเล็ก ๆ
• การกำจัดเม็ดสี: อนุภาคเม็ดสีที่แตกตัวเล็กลงเหล่านี้จะถูกกำจัดออกไปจากร่างกายตามธรรมชาติผ่านระบบภูมิคุ้มกัน (เม็ดเลือดขาว) และระบบน้ำเหลือง
• ผลลัพธ์: รอยสักจะค่อย ๆ จางลงในการรักษาแต่ละครั้ง โดยที่เนื้อเยื่อรอบ ๆ ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ทำให้โอกาสเกิดรอยแผลเป็นต่ำกว่าวิธีอื่น
ชนิดของเครื่องเลเซอร์ที่นิยมใช้
ปัจจุบันมีการพัฒนาเทคโนโลยีเลเซอร์อย่างต่อเนื่อง ชนิดที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพสูงคือ
1. Q-Switched Laser (QS)
ปล่อยพลังงานในช่วงเวลาสั้นมาก (หน่วยเป็น Nanosecond หรือนาโนวินาที)
2. Picosecond Laser (Pico)
ปล่อยพลังงานในช่วงเวลาที่สั้นกว่ามาก (หน่วยเป็น Picosecond หรือพิโกวินาที)
หลักการทำงานของการ ลบรอยสักด้วย เลเซอร์
• เลเซอร์จะปล่อยพลังงานแสงที่มีความยาวคลื่นเฉพาะ ทำให้เม็ดสีหมึกแตกตัวเป็นอนุภาคเล็ก ๆ
• จากนั้นร่างกายจะกำจัดเศษเม็ดสีเหล่านี้ตามกระบวนการทางธรรมชาติของระบบภูมิคุ้มกัน
• ต้องทำซ้ำหลายครั้ง เนื่องจากหมึกฝังอยู่หลายชั้นในผิว
Pico Laser คืออะไร?
Pico Laser (Picosecond Laser) คือเลเซอร์ความเร็วสูงระดับ “พิโควินาที” (หนึ่งล้านล้านวินาที) ที่ปล่อยพลังงานเป็นจังหวะสั้นและแรง ทำให้เม็ดสีที่อยู่ในรอยสักแตกตัวเป็นชิ้นเล็กละเอียดกว่าการยิงเลเซอร์แบบเดิม ร่างกายจึงกำจัดเม็ดสีเหล่านี้ได้ง่ายกว่า จึงเห็นผลชัดและเร็วกว่าการลบรอยสักด้วยเลเซอร์ Q-Switch แบบเก่า
จุดเด่นของ Pico Laser ลบรอยสัก
• ทำลายเม็ดสีอย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงผิวไหม้หรือด่าง
• เจ็บน้อยกว่าเลเซอร์รุ่นก่อน เพราะใช้เวลาสั้นมาก
• ฟื้นตัวไว แทบไม่ต้องพักฟื้น
• ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวบริเวณที่ลบเรียบเนียนขึ้น
• ใช้ได้กับหลายสีสัก ทั้งสีเข้ม (ดำ น้ำเงิน) และบางสีอ่อน (เช่น เขียว แดง) ที่ลบยากด้วยวิธีเก่า
ทำไมรอยสักถึงลบยาก?
• หมึกสักถูกฉีดลึกถึงชั้นผิวหนังแท้ (Dermis)
• บางสี เช่น แดง เขียว น้ำเงิน ลบยากกว่าสีดำ เพราะดูดซับพลังงานเลเซอร์ได้น้อย
• อายุของรอยสัก หมึกที่อยู่ในผิวนาน อาจถูกเม็ดเลือดขาวกำจัดไปบางส่วน ทำให้ลบง่ายขึ้น
• ขนาดและความหนาของหมึกก็เป็นตัวแปรสำคัญ
การลบรอยสักเหมาะกับใคร?
• ผู้ที่ต้องการลบรอยสักทุกขนาด ทุกสี
• ผู้ที่เคยลบสักด้วยเลเซอร์อื่นแล้วไม่จาง
• ผู้ที่ไม่มีปัญหาผิวหนัง เช่น แผลเป็นนูนคีลอยด์
• ผู้ที่ต้องการลบรอยสักอย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงเป็นแผลถาวร
ขั้นตอนการรักษาโดยทั่วไป
1. การปรึกษาและประเมินผล: แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินสี ชนิด ความลึก และขนาดของรอยสัก รวมถึงชนิดของผิวหนัง เพื่อวางแผนการรักษาและเลือกชนิดของเลเซอร์ที่เหมาะสม
2. การเตรียมผิว: ทำความสะอาดผิวบริเวณที่จะลบ และอาจมีการทายาชา หรือใช้ยาชาชนิดฉีด เพื่อลดความเจ็บปวดระหว่างทำ (ประมาณ 30-45 นาทีเพื่อให้ยาชาออกฤทธิ์)
3. การยิงเลเซอร์: แพทย์จะเริ่มยิงเลเซอร์ไปยังบริเวณรอยสัก โดยผู้เข้ารับบริการอาจรู้สึกเจ็บเล็กน้อย คล้ายยางดีด หรือรู้สึกแสบร้อน
4. การดูแลหลังทำ: หลังยิงเลเซอร์ อาจมีเลือดซึมเล็กน้อย แพทย์จะทำความสะอาด ทายา และปิดพลาสเตอร์กันน้ำเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
จำนวนครั้งและระยะห่างในการรักษา
• จำนวนครั้ง: ส่วนใหญ่มักจะต้องทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ เช่น:
• สีของหมึก: สีดำและสีเข้มจะลบง่ายกว่าสีอ่อน (เขียว, เหลือง)
• ความลึกของการสัก: รอยสักมืออาชีพที่ลึกอาจต้องใช้จำนวนครั้งมากกว่ารอยสักสมัครเล่น
• อายุของรอยสัก: รอยสักเก่ามักจะลบง่ายกว่ารอยสักใหม่
ผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
แม้จะเป็นวิธีที่ปลอดภัย แต่ก็อาจมีผลข้างเคียงชั่วคราวและข้อควรระวัง:
• อาการหลังทำทันที: อาจมีอาการบวม แดง แสบร้อน มีเลือดออกซึม ๆ หรือเกิดตุ่มน้ำใส (คล้ายตุ่มพองจากไฟไหม้) ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ ดีขึ้น
• การตกสะเก็ด: จะเกิดสะเก็ดบริเวณที่ทำเลเซอร์ ซึ่งจะหลุดออกไปเองภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ ห้ามแกะหรือเกา โดยเด็ดขาด
• การเปลี่ยนสีผิว: อาจเกิดภาวะสีผิวเข้มขึ้น (Hyperpigmentation) หรือสีผิวจางลง (Hypopigmentation) ชั่วคราวบริเวณที่รักษา โดยเฉพาะในผู้ที่มีสีผิวเข้ม
การดูแลตัวเองหลังการรักษา
1. ประคบเย็น: เพื่อลดอาการบวมและแสบร้อนในช่วง 1-3 วันแรก
2. ทายา: ทายาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด (เช่น ยาปฏิชีวนะ หรือยาลดการอักเสบ)
3. ห้ามโดนน้ำ: หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรงบริเวณที่รักษาในช่วง 24-48 ชั่วโมงแรก
4. ห้ามแกะสะเก็ด: ปล่อยให้สะเก็ดหลุดออกเองตามธรรมชาติ
5. หลีกเลี่ยงแสงแดด: ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง และหลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อนจัดโดยตรง เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำ
REVIEW!!
ทีมแพทย์ของเรา
ดร.นพ.ธีรศักดิ์ แพทยาดิกุล
Dr.Teerasak Pattayadeekul
อาจารย์พิเศษ Dermatology and Regenerative medicine สำนักเวชศาสตรชะลอวัย ม.แม่ฟ้าหลวง / แพทย์ปริญญาเอก สาขา ผิวหนัง ศัลยกรรมผิวหนัง/เลเซอร์/ความงาม
- Fellow in dermato surgery & LASER รามาธิบดี .
- Vissiting fellow dermatology Juntendo Dermatology & Dermatopathology.
- MD.Msc.Phd in Dermatology / LASER / Aesthetic Surgery.
- Fellow in LASER surgey and Facial plastic surgery Fort Lauaderdel Florida USA
- Diploma of Hair Transplantation by Thai association and Academy of Cosmetic surgery and medicine
พญ.ทวีพร ตรีประภากร
Dr.Thaweeporn Treepraphakorn
แพทย์สาขาศัลยกรรมความงาม/เลเซอร์/ปลูกผม
แพทย์ อเมริกันบอร์ดปลูกผม (ABHRS)
- Fellowship in Cosmetic Surgery/ Korean college of Cosmetic Surgery
- Diplomate American Board of Hair Restoration Surgery/ABHRS
- International Board of Hair Restoration Surgery/ IBHRS
- Certificate Hair transplantation By Korean Society of Hair Restoration Surgery
- Member in association of Aesthetic Anti-aging Surgery,Thailand
- Member of International Society of Hair Restoration Surgery (ISHRS)
- Certificate Liposuction by Korean college of Cosmetic Surgery
- Master degree in Dermatology (MSc)
